อินเดียชอบสินค้าไทยมั่นใจเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ แนะนักธุรกิจเปิดกว้าง


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ระนอง - อินเดียชื่นชอบสินค้าไทย อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ ประจำกรุงนิวเดลี ย้ำนักธุรกิจระนองได้เปรียบการค้าขายชายแดนติดกับพม่า แนะต้องมองไกลต่อไปถึงอินเดีย




นายธราดล ทองเรือง อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ ประจำกรุงนิวเดลี เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้มีนโยบายให้ความสำคัญกับการรักษาตลาดเก่า และมองหาตลาดใหม่ และพยายามนำนักธุรกิจ SME ไปเจรจาพบปะกับผู้ค้ารายใหม่ และรายใหญ่ รวมถึงการหาวัตถุดิบผ่านโครงการ Proactive โดยทำงานร่วมกับสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และสภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือ หากผู้ประกอบการรายใดต้องการไปแสดงสินค้าประเทศไหน โดยทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะสนับสนุนเงินทุนเป็นค่าใช้จ่ายให้ด้วย
      
ขณะนี้อินเดียต้องการสั่งซื้อยางแผ่นรมควันชั้น 3 จากเมืองไทยจำนวนมาก รวมถึงเฟอร์นิเจอร์จากไม้ยางพารา เครื่องสำอาง เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ดอกไม้ประดิษฐ์ อินเดียนิยมใช้สินค้าไทยมาก และภูมิใจที่ได้ใช้สินค้าไทย เพราะเชื่อว่าเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ ดังนั้น จึงอย่ามองข้ามตลาดอินเดีย การทำธุรกิจส่งออกกับอินเดียขอให้เลือกคู่ค้าดีๆ ลบค่านิยมเดิมๆ ทิ้งที่คนไทยมักจะคิดว่า การทำธุรกิจกับแขก หรืออินเดียอาจมีปัญหาตุกติก พร้อมยืนยันว่าลึกๆ แล้วคนอินเดียเป็นคนจิตใจดี
      
นายธราดล กล่าวต่อไปว่า เมืองชายแดนที่ติดกับพม่า เช่น ระนอง ได้เปรียบมาก ระนองมีท่าเรือน้ำลึกควรปรับปรุง และพัฒนาเพื่อให้รองรับการส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศ นอกจากนี้ การขนส่งสินค้าทางบกสามารถส่งสินค้าไปขายเข้าทางมะริด เมาะละแหม่ง ย่างกุ้ง ไปบังกลาเทศ และกัลกัตตา เพราะพม่ามีแนวชายแดนติดกับอินเดียถึงเกือบ 2,000 กม. แม้ระนองจะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่เป็นจังหวัดที่สวย และสงบ มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้า หรือ Hub เพื่อเปิดประตูสู่ทะเลอันดามันฝั่งตะวันตก
      
อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ ประจำกรุงนิวเดลี ฝากมายังนักธุรกิจชาวระนองว่า ขอให้มองภาพการส่งออกในมุมกว้าง มองการค้าชายแดนอย่าหยุดที่พม่า ให้มองข้ามไปถึงอินเดีย และบังกลาเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนิเซีย ต่อไปการค้าขายจะไร้พรมแดนแล้ว การขนส่งสินค้า ระบบภาษีระบบตรวจสอบน้อยลง วันนี้ไม่ต้องรอท่าเรือน้ำลึกทวายก่อสร้างเสร็จ แต่ต้องปรับตัวรองรับการค้าเสรี AEC ตั้งแต่วันนี้ได้เลย

ที่มา :  http://www.manager.co.th/

No comments:

Post a Comment